โรงงานมีกี่ประเภท แบบไหนที่ต้องขอใบอนุญาต ?
- arnut0
- 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
การจัดตั้งโรงงานในประเทศไทยถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเปิดโรงงานไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจึงเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการต้องดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อให้กิจการดำเนินไปได้อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย

ทำไมการมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจึงสำคัญ ?
การมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว โดยมีเหตุผลหลักดังนี้
เพื่อรับรองว่าการดำเนินงานโรงงานเป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐาน
ป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อชุมชน
สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจและผู้ลงทุน
ลดความเสี่ยงในการถูกสั่งปิดหรือถูกลงโทษทางกฎหมาย
ช่วยให้สามารถบริหารจัดการโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
กฎหมายโรงงานและการจัดตั้งโรงงาน
กฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งโรงงานในประเทศไทย คือ พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการประกอบกิจการโรงงาน เพื่อควบคุมและกำกับดูแลให้การดำเนินงานของโรงงานเป็นไปอย่างปลอดภัยต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
พระราชบัญญัติโรงงานนี้ครอบคลุมการกำหนดประเภทของโรงงาน หลักเกณฑ์การขอใบอนุญาต การควบคุมการประกอบกิจการ มาตรการรักษาความปลอดภัย การป้องกันมลพิษ และบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน นอกจากนี้ยังมีกฎกระทรวงและประกาศที่ออกมาเพื่อรองรับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งการเปิดโรงงานต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น กฎหมายสิ่งแวดล้อม กฎหมายแรงงาน กฎหมายการผังเมือง และกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งแต่ละกฎหมายมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันแต่เชื่อมโยงกันเพื่อควบคุมการดำเนินงานของโรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
โรงงานมีกี่ประเภท ?
ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โรงงานแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ตามระดับความเสี่ยงและผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
1. โรงงานประเภทที่ 1 (ความเสี่ยงต่ำ)
โรงงานประเภทนี้เป็นโรงงานขนาดเล็กที่มีเครื่องจักรน้อย มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนค่อนข้างต่ำ เช่น โรงงานผลิตอาหารขนาดเล็ก โรงงานผลิตเสื้อผ้า โรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ไม่มีการพ่นสี โรงงานน้ำดื่มบรรจุขวด ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แต่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง เช่น ในบางกรณีอาจต้องแจ้งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบก่อนเริ่มดำเนินการ
2. โรงงานประเภทที่ 2 (ความเสี่ยงปานกลาง)
เป็นโรงงานขนาดปานกลาง มีเครื่องจักรและกระบวนการผลิตที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องขออนุญาตก่อนเริ่มประกอบกิจการ เพียงแต่ต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนเริ่มดำเนินงานและต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง รวมถึงมาตรการป้องกันมลพิษที่เหมาะสม ในบางกรณี อาจต้องผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของกิจการ โดยมีตัวอย่าง เช่น โรงงานผลิตสารเคมีบางชนิดที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรง โรงงานกลึงโลหะ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดเล็ก โรงงานผลิตปุ๋ยเคมี
3. โรงงานประเภทที่ 3 (ความเสี่ยงสูง)
สำหรับโรงงานขนาดใหญ่ที่มีการใช้เครื่องจักรจำนวนมากและกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในระดับสูง เช่น โรงงานผลิตสารเคมีอันตราย โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตก๊าซ ซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจ ก่อนเริ่มดำเนินกิจการโดยโรงงานประเภทนี้จะมีการควบคุมที่เข้มงวดมาก รวมถึงการบังคับใช้ระบบรักษาความปลอดภัยและการจัดการมลพิษที่ได้มาตรฐานสูงสุด รวมถึงต้องผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) อย่างเข้มข้น

ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เอกสารสำคัญสู่การดำเนินธุรกิจ
เป็นเอกสารยืนยันว่าโรงงานดำเนินกิจการได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งออกโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจ
ระยะเวลาขอใบอนุญาต
โรงงานทั่วไป อย่างโรงงานประเภทที่ 2 ในบางกรณี และโรงงานประเภท 3 ที่ไม่ซับซ้อน โดยทั่วไปอาจใช้เวลาประมาณ 15-45 วันทำการ นับตั้งแต่ยื่นเอกสารครบถ้วนและถูกต้อง
โรงงานประเภทที่ 3 ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีขนาดใหญ่มาก กระบวนการอาจซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้น ถึง 60 วันทำการ หรือมากกว่านั้น เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบและประเมินผลกระทบอย่างละเอียด รวมถึงการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ
เอกสารประกอบคำขอ
การเตรียมเอกสารประกอบคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานให้ครบถ้วนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนการพิจารณา เอกสารที่จำเป็นมักประกอบด้วย
สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ (สำหรับบุคคลธรรมดา) หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคล)
แผนผังบริเวณที่ตั้งโรงงานและแผนผังอาคารโรงงาน
แบบแปลนเครื่องจักรและผังการติดตั้งเครื่องจักร
รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA/EHIA สำหรับโรงงานบางประเภท
เอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ตั้งโรงงาน เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาเช่า
เอกสารรับรองการปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล
รายละเอียดกระบวนการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ และผลิตภัณฑ์
แผนการจัดการมลพิษและมาตรการความปลอดภัย
เอกสารอื่น ๆ ที่หน่วยงานราชการกำหนดเพิ่มเติม
การเตรียมตัวอย่างรอบคอบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโรงงาน จะช่วยให้กระบวนการขอ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้น
การเปิดโรงงานให้ประสบความสำเร็จไม่ได้จบเพียงการได้รับใบอนุญาตเท่านั้น แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้กิจการดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน ผู้ประกอบการที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการโรงงาน ควรพิจารณาใช้ระบบโปรแกรม ERP โรงงานที่ครอบคลุมทุกกิจกรรมการผลิตและสามารถตอบสนองต่อข้อกำหนดทางกฎหมาย สำหรับผู้ที่สนใจการยกระดับการบริหารจัดการโรงงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้โปรแกรม ERP สำหรับโรงงาน จาก Eclipse Computing คือคำตอบที่ช่วยให้ทุกกระบวนการทำงานเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์และความสามารถในการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
สนใจปรึกษาระบบคลังข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อเราได้ที่
โทร. 02-634-1718
LINE OA : https://lin.ee/KLiB614
E-Mail : info@eclipsecomputing.co.th
ข้อมูลอ้างอิง :
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet6/envi6/kot/kot4.htm
สรุปสาระสำคัญของพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 จาก https://backofficeminisite.disaster.go.th/apiv1/apps/minisite_law/194/sitedownload/8618/download?TypeMenu=MainMenu&filename=5edf403474b45.pdf
Comments